รีวิว Dr. Dabber Ghost 2: การกลับมาของราชันย์ Dab Pen พร้อมเทคโนโลยีความร้อน 3 โหมดอัจฉริยะ

รีวิว Dr. Dabber Ghost 2: การกลับมาของราชันย์ Dab Pen พร้อมเทคโนโลยีความร้อน 3 โหมดอัจฉริยะ

ในวงการ Dab Pen หรือ Wax Pen หากพูดถึงแบรนด์ที่เน้นเรื่อง “รสชาติ” (Flavor) เป็นหัวใจสำคัญ ชื่อของ Dr. Dabber มักจะยืนหนึ่งเสมอ และหลังจากที่รุ่นพี่อย่าง Dr. Dabber Ghost รุ่นแรกได้สร้างตำนานไว้เมื่อหลายปีก่อน วันนี้พวกเขากลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้งด้วย Dr. Dabber Ghost 2 (Ghost²)

การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนโฉม แต่เป็นการอัปเกรดเทคโนโลยีภายในครั้งใหญ่ โดยเฉพาะระบบจัดการความร้อนที่ฉลาดขึ้น เพื่อตอบโจทย์สาย Craft Concentrate ยุคใหม่ มาดูกันว่า “ราชันย์” รุ่นนี้มีดีอะไรบ้าง

Dr. Dabber Ghost 2 ดีไซน์เรียบหรู ทรงปากกา
Dr. Dabber Ghost 2 ดีไซน์ใหม่ เรียบหรูและทันสมัย

1. ดีไซน์และการออกแบบ: เรียบหรู ดุดัน และพกพาง่าย

Ghost 2 ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความ Classic ของทรงปากกา (Pen Style) ที่เน้นความคล่องตัว แต่แฝงไปด้วยความ Modern

  • Body & Finish: ตัวเครื่องทำจาก Stainless Steel เคลือบด้าน ให้สัมผัสที่พรีเมียม ทนทานต่อรอยขีดข่วน และดู Low-profile (ไม่สะดุดตาเกินไป)
  • Size: ขนาดกะทัดรัด (สูง 3.5 นิ้ว x กว้าง 1.7 นิ้ว) พอดีมือและใส่กระเป๋าเสื้อได้สบาย
  • Ergonomics: Mouthpiece ออกแบบใหม่ให้เข้ากับสรีระปาก และช่วยลดความร้อนก่อนถึงปากได้ดียิ่งขึ้น
ถือ Dr. Dabber Ghost 2 ในมือ ขนาดกะทัดรัด
ขนาดกะทัดรัด เข้ามือ พกพาสะดวก

2. ไฮไลท์สำคัญ: ระบบความร้อนที่ “คิด” แทนคุณ

นี่คือหัวใจหลักของการอัปเกรด Ghost 2 ไม่ใช่แค่ Pen ที่กดปุ่มแล้วร้อน แต่มาพร้อมกับความยืดหยุ่นระดับ Desktop Rig โดยแบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วนหลัก:

A. 5 ระดับความร้อน (Temperature Presets)

ให้ความละเอียดสูง แบ่งตามสีไฟ LED เพื่อรองรับสารสกัดทุกประเภท:

  • 🟣 Purple (420°F): ความร้อนต่ำสุด เน้นรสชาติ Terpenes ล้วนๆ
  • 🔵 Blue (450°F): Sweet Spot! รสชาติดี ควันเริ่มมา เหมาะสำหรับ Rosin
  • 💠 Cyan (480°F): สมดุลกลางๆ ระหว่างกลิ่นและควัน
  • 🟡 Yellow (510°F): ความร้อนสูง สำหรับ BHO หรือ Resin ที่ต้องการละลายเร็ว
  • White (540°F): ความร้อนสูงสุด สำหรับสาย Cloud Chasing ทำควันหนา

B. 3 โหมดอัจฉริยะ (Dynamic Heating Modes)

ฟีเจอร์เด็ดที่จำลองพฤติกรรมการ Dab แบบมือโปร:

  1. 📉 Descent Mode (โหมดขาลง): อุณหภูมิพุ่งไปที่จุดตั้งไว้ แล้วค่อยๆ ลดลง (Cooling down) ให้ฟีลลิ่งเหมือนการ Dab ด้วยแก้ว Quartz Banger ที่รอนาฬิกา
  2. ➖ Steady Mode (โหมดคงที่): รักษาอุณหภูมิให้ นิ่งสนิท ตลอดการสูบ ให้ความสม่ำเสมอ เป็นโหมดมาตรฐานที่ใช้งานง่าย
  3. 📈 Ascent Mode (โหมดขาขึ้น): อุณหภูมิจะค่อยๆ ไต่ระดับสูงขึ้น (Cold Start) เริ่มจากเสพกลิ่นหอมๆ แล้วจบด้วยควันหนักๆ ในคำเดียว
Ceramic Chamber ของ Dr. Dabber Ghost 2
ห้องบรรจุเซรามิก (Ceramic Chamber) แบบ Sidewall Heating ทำความสะอาดง่าย

3. Chamber และประสิทธิภาพ

Ghost 2 เปลี่ยนมาใช้ระบบ Radial Sidewall Heating (ความร้อนจากผนังรอบทิศทาง) แทนการใช้ขดลวดสัมผัสโดยตรง

  • Material: ใช้ Medical Grade Glazed Ceramic (เซรามิกเกรดการแพทย์เคลือบเงา) ซึ่งนำความร้อนได้เร็ว สม่ำเสมอ และที่สำคัญคือ ทำความสะอาดง่ายมาก เพียงใช้ Cotton bud เช็ดออก
  • Airflow: รูระบายอากาศถูกปรับจูนมาให้มีความหนืดกำลังดี (Restricted Direct Lung) ให้ความรู้สึกแน่นเหมือนการสูบไปป์

4. สรุปข้อมูลจำเพาะ (Specs)

ระบบความร้อน Radial Sidewall Heating (Ceramic Chamber)
ช่วงอุณหภูมิ 5 ระดับ (420°F – 540°F)
แบตเตอรี่ 1,000 mAh (LiPo)
การชาร์จ USB-C (รองรับ Pass-Through)
อุปกรณ์ในกล่อง ตัวเครื่อง, หัว Atomizer, Loading Tool, สาย USB-C, คู่มือ

5. บทสรุป: ข้อดี-ข้อสังเกต

✅ ข้อดี (Pros)

  • + Flavor King: รสชาติชัดเจนที่สุดในคลาส Pen
  • + Smart Modes: โหมด Ascent/Descent คือ Game Changer
  • + Build Quality: งานประกอบแน่น วัสดุดี
  • + Easy Clean: ถ้วยเคลือบเงา เช็ดคราบออกง่าย

⚠️ ข้อสังเกต (Cons)

  • ! Chamber Size: ห้องบรรจุไม่ใหญ่มาก ต้องเติมบ่อย
  • ! Heat: สูบถี่ๆ เครื่องส่วนบนอาจจะอุ่นขึ้น

Dr. Dabber Ghost 2 เหมาะกับใคร?

หากคุณคือ “Flavor Chaser” หรือคนที่เสพสุนทรียะของกลิ่น Terpenes และต้องการอุปกรณ์พกพาที่ไว้ใจได้ ไม่เผาของแพงๆ (เช่น Live Rosin) ให้เสียรสชาติ นี่คือ Gadget ที่คุ้มค่าที่สุดในเวลานี้ การกลับมาครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่า Dr. Dabber ยังคงเป็นราชันย์ในเรื่องของ Low Temp Vaping อย่างแท้จริง

คะแนนรีวิว: ⭐⭐⭐⭐½ (4.5/5)

Pro Tip: แนะนำให้ใช้โหมด Ascent (ขาขึ้น) กับไฟสีม่วง เพื่อรีดรสชาติและ Effect ให้หมดจดในคำเดียว!

สนใจ Dr. Dabber Ghost 2?

สัมผัสประสบการณ์ Flavor King ได้แล้ววันนี้

Dr. Dabber Ghost 2 Product
  • 🔥 Heating: Ceramic Cell (Radial Sidewall)
  • 🌡️ Temp: 5 Levels (420°F – 540°F)
  • 🔋 Battery: 1000 mAh (USB-C)
ดูราคาและสั่งซื้อ
รีวิวเปรียบเทียบ: Pax Mini ตัวใหม่ (2025) vs Pax Mini รุ่นเก่า (2022)

รีวิวเปรียบเทียบ: Pax Mini ตัวใหม่ (2025) vs Pax Mini รุ่นเก่า (2022)

เมื่อไม่นานมานี้ ทาง PAX Labs ได้ทำการอัปเกรดน้องเล็กสุดของค่ายอย่าง Pax Mini ขึ้นมาใหม่เงียบๆ ซึ่งสร้างความสับสนให้ผู้ใช้พอสมควรเพราะหน้าตาภายนอกแทบจะเหมือนเดิมทุกประการ แต่ “ไส้ใน” และฟีเจอร์การใช้งานเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญครับ

บทความนี้จะสรุปให้ชัดเจนว่า “ตัวใหม่” (New Edition 2025) ดีกว่า “ตัวเก่า” (Original 2022) อย่างไร และมีจุดไหนที่อาจจะด้อยลงบ้าง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ


ตารางเปรียบเทียบสเปก (Key Specs Comparison)

หัวข้อเปรียบเทียบ Pax Mini (รุ่นเก่า / 2022) All New Pax Mini (รุ่นใหม่ / 2025)
ขนาดห้องอบ (Oven Size) 0.25g (เล็ก, เหมาะกับคนเดียว) 0.5g (ใหญ่ขึ้น 2 เท่า, เท่ารุ่น Plus)
การปรับความร้อน 1 โหมด (Auto Smart Path) 4 โหมด (ตั้งค่าอุณหภูมิได้)
ระบบสั่น (Haptic Feedback) ไม่มี (ดูไฟ LED อย่างเดียว) มี (สั่นเตือนเมื่อพร้อมสูบ)
แบตเตอรี่ (ใช้งานต่อเนื่อง) ประมาณ 80-100 นาที ประมาณ 60 นาที (น้อยลง)
ความจุแบตเตอรี่ ~3000 mAh ~3000 mAh (กินไฟกว่าจากฟีเจอร์ที่เพิ่ม)
อุปกรณ์เสริมในกล่อง ฝาปิดธรรมดา มาพร้อม Half-pack Lid (ฝาดันครึ่ง)
ราคาเปิดตัว ~$125 USD (ถูกกว่า) ~$150 USD (แพงขึ้นเล็กน้อย)

เจาะลึกความเปลี่ยนแปลง: อะไรที่ “ว้าว” ขึ้น?

เปรียบเทียบห้องอบ Pax Mini

1. ห้องอบ (Oven) ที่ใหญ่ขึ้นและยืดหยุ่นกว่า

  • รุ่นเก่า: บังคับใส่สมุนไพรได้น้อย (0.25g) เพราะห้องอบตื้น เหมาะสำหรับการสูบคนเดียว (Microdosing) เท่านั้น ถ้าอยากสูบหนักๆ จะทำไม่ได้
  • รุ่นใหม่: ขยายห้องอบกลับมาเป็นขนาดมาตรฐาน (0.5g) เหมือนรุ่นพี่ (Pax Plus/Pax 3) ทำให้ใส่ของได้เยอะขึ้น แต่ทีเด็ดคือ แถมฝา Half-pack Lid มาให้ ทำให้คุณเลือกได้ว่าจะใส่เต็มแม็กซ์ (0.5g) หรือใส่ครึ่งเดียว (0.25g) ก็ได้ตามใจชอบ เป็นการอัปเกรดที่ดีที่สุดของรุ่นนี้ครับ

2. ควบคุมอุณหภูมิได้แล้ว (Temperature Control)

รุ่นเก่า: มีแค่โหมดเดียว (กดปุ่มแล้วสูบเลย) เครื่องจะค่อยๆ ไล่ความร้อนให้อัตโนมัติ ข้อดีคือง่าย แต่ข้อเสียคือคุณเลือกฟีลลิ่งไม่ได้ (อยากได้ควันเยอะ หรือกลิ่นชัด ก็ปรับไม่ได้)

รุ่นใหม่: ให้มา 4 โหมดความร้อน เหมือนรุ่นใหญ่ (Pax Plus):

  • Stealth/Flavor: ความร้อนต่ำ เน้นกลิ่น ควันน้อย
  • Efficiency: ความร้อนกลางๆ
  • Boost: ความร้อนสูง เน้นควันหนัก

สิ่งนี้ทำให้ Pax Mini ตัวใหม่ ไม่ใช่แค่ “ของเล่นมือใหม่” อีกต่อไป แต่ตอบโจทย์คนที่ชอบปรับแต่งฟีลการสูบได้ด้วย

3. ระบบสั่น (Haptic Feedback) กลับมาแล้ว

  • รุ่นเก่า: ไม่มีระบบสั่น คุณต้องคอยจ้องไฟ LED ว่าเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือยัง ซึ่งไม่สะดวกเวลาถือเดินไปมาหรืออยู่ในที่มืด
  • รุ่นใหม่: เครื่องจะ “สั่น” เตือนเมื่อทำความร้อนเสร็จพร้อมสูบ ซึ่งเป็นฟีเจอร์พื้นฐานที่ควรมีมานานแล้ว

สรุป: ควรซื้อรุ่นไหน?

เลือก Pax Mini รุ่นใหม่ (2025) ถ้า…

  • คุณต้องการความคุ้มค่าแบบ “ตัวเดียวจบ” เพราะห้องอบปรับขนาดได้ (0.25g หรือ 0.5g)
  • คุณอยากปรับความร้อนได้เอง (ชอบควันเยอะบ้าง น้อยบ้าง)
  • คุณชอบฟีเจอร์สั่นเตือน (Haptic Feedback) เพื่อความสะดวก
  • งบประมาณไม่ใช่ปัญหา (แพงกว่าเล็กน้อย)

เลือก Pax Mini รุ่นเก่า (2022) ถ้า…

  • คุณเน้น Microdosing (สูบน้อยๆ คนเดียว) เป็นหลักอยู่แล้ว ห้องอบเล็ก 0.25g เพียงพอสำหรับคุณ
  • คุณชอบความง่ายที่สุด กดปุ่มเดียวแล้วสูบเลย ไม่ต้องคิดเยอะ
  • คุณหาซื้อมือหนึ่งหรือมือสองได้ในราคาที่ “ถูกกว่ามาก” (เพราะตกรุ่นแล้ว)
คำแนะนำจาก Kondee:
หากคุณกำลังจะซื้อใหม่และราคาต่างกันไม่มาก แนะนำให้ไปเล่น “ตัวใหม่” (2025) ครับ เพราะการได้ห้องอบขนาดใหญ่พร้อมฝา Half-pack และปรับไฟได้ 4 ระดับ ถือเป็นการแก้ไขจุดอ่อนของรุ่นเก่าได้เกือบทั้งหมด ทำให้มันกลายเป็น Pax ที่คุ้มค่าและพกพาง่ายที่สุดในตอนนี้ครับ

🛒 สนใจรุ่นไหน? เลือกซื้อได้เลย

All New Pax Mini 2025

All New Pax Mini (2025)

ปรับไฟได้ 4 ระดับ + เตาใหญ่ขึ้น

฿ 5,490

ซื้อเลย (รุ่นใหม่)
Pax Mini Original

Pax Mini (Original)

รุ่นประหยัด ใช้ง่ายพกพาสะดวก

฿ 4,990

ดูสินค้ารุ่นเดิม
DynaVap VonG X – รุ่นพรีเมียมสำหรับ “สายบ้อง” และไมโครโดส

DynaVap VonG X – รุ่นพรีเมียมสำหรับ “สายบ้อง” และไมโครโดส

DynaVap VonG X คืออุปกรณ์อบสมุนไพรแบบไร้แบตเตอรี่ที่สร้างเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ “ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง” และให้ความสำคัญกับรสชาติ ความทนทาน และรูปแบบการใช้งานร่วมกับบ้องน้ำ รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นเรือธงฝั่ง VonG เพราะออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับแก้วโดยเฉพาะ พร้อมดีไซน์ที่แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนมาก ทั้งในแง่โครงสร้าง ความทนทาน และคุณภาพการสกัดไอระเหย

VonG X คืออะไร และถูกออกแบบมาเพื่อใคร

VonG X อยู่ในซีรีส์ “VonG” ของ DynaVap ซึ่งชื่อ VonG มาจาก “Vape on Glass” หมายถึงอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมกับบ้องน้ำเป็นหลัก โครงสร้างภาคหลังของเครื่องทั้งหมดถูกปรับปรุงใหม่ โดยตัวเครื่องมีความคงทนมากกว่าเดิม ใช้ไทเทเนียมเป็นวัสดุหลัก ซึ่งช่วยเรื่องความเบาและความทนทานสูง

จุดเด่นพื้นฐานของ VonG X

  • รองรับบ้องน้ำ 10 mm และ 14 mm โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์

  • ตัวเรือน Titanium + DuraDyn โครงสร้างแข็งแรงขึ้น

  • หัวอบสแตนเลสแบบ High‑Mass เพิ่มความเสถียรของความร้อน

  • Captive Cap พร้อมเสียงคลิกบอกอุณหภูมิ

  • ระบบปรับขนาดห้องอบได้ (Adjust‑a‑Bowl) สำหรับใส่สมุนไพรน้อยแบบไมโครโดส

  • ปรับแอร์โฟลว์ได้อย่างละเอียดผ่านระบบหมุนที่ลื่นและแม่นยำขึ้น

VonG X จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดจากอุปกรณ์แบบไม่มีแบตเตอรี่ และผู้ที่ต้องการควันเย็นกว่าโดยใช้ผ่านบ้องน้ำ

รายละเอียดโครงสร้างและวัสดุ

1. ตัวเครื่อง (Body)

ตัวเรือนหลักใช้วัสดุไทเทเนียมผสมวัสดุเคลือบ DuraDyn ซึ่งเป็นผิวสัมผัสที่แข็งแรงและทนต่อการตกกระแทกได้ดี จุดนี้ทำให้ VonG X มีความทนทานกว่า VonG รุ่นก่อนมาก โดยเฉพาะส่วนที่ใช้เสียบกับแก้ว ซึ่งต้องรับแรงจากการถอดเข้าออกบ่อยครั้ง

2. Airflow Control – ปรับลมแบบใหม่

ระบบหมุนปรับแอร์โฟลว์รุ่นใหม่ช่วยให้ผู้ใช้กำหนดความหนาแน่นของไอได้อย่างละเอียด เช่น

  • หมุนปิดเกือบทั้งหมด → ไอหนาและหนัก

  • หมุนเปิด → รสชาติชัดเจนและไอเบาลื่นคอมากขึ้น

ระบบนี้ถูกปรับปรุงตามความเห็นของผู้ใช้หลายปี ทำให้ลื่นขึ้น แข็งแรงกว่าเดิม และปรับได้แม่นยำกว่า

3. High-Mass Stainless Steel Tip

หัวอบแบบมวลมาก (High-Mass) ถูกออกแบบมาเพื่อกักเก็บความร้อนได้มากกว่า tip รุ่นทั่วไป ส่งผลให้

  • ไอเสถียรกว่าแม้จะดึงยาว

  • ให้รสชาติและความเข้มข้นสม่ำเสมอ

  • อภัยความผิดพลาดมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ใหม่ เพราะความร้อนไม่แกว่งง่าย

4. Captive Cap

ระบบคลิกบอกอุณหภูมิยังคงเป็นซิกเนเจอร์ของ DynaVap เมื่อความร้อนถึงระดับใช้งาน Cap จะมีเสียง “คลิก” ช่วยให้ผู้ใช้รู้ว่าพร้อมสูบแล้ว และมีคลิกอีกครั้งเมื่อเครื่องเย็นลงพอควรเติมความร้อนใหม่

ประสิทธิภาพการใช้งานจริง (ตามข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ + ผู้ใช้จริง)

1. รสชาติและการสกัด

  • รสชาติชัดเจนและเข้มข้นกว่า VonG รุ่นก่อน เพราะหัว High‑Mass ทำให้ความร้อนคงที่

  • เมื่อใช้กับบ้องน้ำ ไอจะเย็นลงมาก ทำให้ผู้ใช้สามารถดึงยาวโดยไม่ระคายคอ

  • Adjust-a-Bowl ช่วยควบคุมปริมาณสมุนไพรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้ใช้ไมโครโดส

2. ความแรง (Vapor Production)

VonG X ได้ชื่อว่าทำไอได้หนาแน่นกว่า DynaVap รุ่นมาตรฐานอย่าง “M” อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อใช้กับบ้อง 14 mm ซึ่งให้แรงต้านกำลังดีและไอหนาแบบฉบับสายบ้องต่างประเทศ

ผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งระบุว่า

“My first draw went dense fast… huge vapor right away even before finishing a full heat cycle.”

ซึ่งสะท้อนว่าเครื่องนี้ “มาไวและแรง” กว่าที่คาดไว้

3. ความง่าย/ยากในการใช้งาน

  • ผู้ใช้ใหม่อาจต้องฝึกวิธีหมุนไฟและฟังเสียงคลิก

  • แต่หัว High‑Mass ทำให้โอกาสไหม้ลดลงมาก

  • เมื่อชำนาญแล้ว VonG X ถือว่าใช้งานง่ายและให้ผลลัพธ์เสถียรที่สุดรุ่นหนึ่งของ DynaVap


ข้อดี – ข้อด้อยแบบละเอียด

ข้อดี

  • วัสดุระดับสูง Titanium + Stainless Steel

  • ทนทาน เหมาะสำหรับผู้ใช้จริงจัง

  • ใช้ร่วมกับบ้องน้ำได้ดีเยี่ยม รองรับทั้ง 10/14 mm

  • ปรับลมได้ละเอียด ให้ประสบการณ์ปรับแต่งสูง

  • ไม่มีแบตเตอรี่ ไม่ต้องซ่อม ไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ไฟฟ้า

  • เหมาะทั้งไมโครโดส และการใช้แบบ Session ใหญ่

  • ไอแรงและหนากว่ารุ่นมาตรฐานของ DynaVap

ข้อด้อย

  • ต้องใช้ไฟแช็กแบบเข็มหรือ Induction Heater

  • ต้องเรียนรู้การฟังเสียงคลิก

  • ราคาสูงกว่ารุ่น “M” หรือ “B”

  • ไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ต้องการใช้งานง่ายที่สุด


Limelight Frolic — พกพาแต่พลังระดับเรือธง

Limelight Frolic — พกพาแต่พลังระดับเรือธง

Limelight Frolic คือเครื่องอบสมุนไพรพกพารุ่นแรกจากแบรนด์ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานของอุปกรณ์พกพาไปอีกขั้น มันถูกออกแบบให้ “ทรงพลังเทียบชั้นรุ่นตั้งโต๊ะ” แต่ยังคงความคล่องตัวสูง พร้อมตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและสายจริงจังที่ต้องการพลัง ความเสถียร และรสชาติที่ไม่ถูกลดทอน ไม่ว่าจะใช้งานแบบฉับพลันหรือดึงยาวต่อเนื่อง Frolic ก็พร้อมส่งมอบ “ประสบการณ์ระดับเรือธง” ได้ทุกครั้ง

งานออกแบบและวัสดุ

Frolic ถ่ายทอดแนวคิด “พกพาได้โดยไม่ลดทอนพลัง” ผ่านงานออกแบบที่จริงจังและแม่นยำ ตัวเครื่องผลิตด้วยกระบวนการ CNC ทั้งหมด โครงสร้างแข็งแรง ให้ความรู้สึกแน่นหนาและทนทานแม้ใช้งานระยะยาว ทางเดินไอภายในมีความยาวกว่า 200 มิลลิเมตร ช่วยลดอุณหภูมิก่อนถึงปากผู้ใช้ ส่งผลให้ไอเย็นลงและนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ยังใช้วัสดุทนความร้อนระดับอุตสาหกรรม ทำความร้อนสูงสุด 220 องศาเซลเซียสช่วยให้การใช้งานยาวนาน ปลอดภัย และคงประสิทธิภาพได้ในทุกครั้ง

ประสบการณ์ใช้งานจริง

Frolic มีจุดเด่นสำคัญคือระบบให้ความร้อนที่ “พร้อมใช้งานแทบจะทันที” ไม่ว่าจะเป็นในโหมด On-Demand สำหรับใช้งานรวดเร็วทันใจ หรือ Session สำหรับการดึงยาวต่อเนื่องโดยไม่เสียความสม่ำเสมอของไอ

  • ประสิทธิภาพไอ: หนาแน่นและทรงพลัง แม้ดึงต่อเนื่องก็ยังคงความแรงสม่ำเสมอ

  • คุณภาพรสชาติ: สะอาด กลมกล่อม และไม่กลบกลิ่นธรรมชาติของสมุนไพร

  • ความยืดหยุ่น: เลือกได้ระหว่างจังหวะ “ดึงแรงจบในไม่กี่วินาที” หรือ “ดึงนุ่ม ๆ ต่อเนื่องหลายรอบ”

  • การเชื่อมต่อ: รองรับอะแดปเตอร์ 14/18 มม. เพื่อใช้งานร่วมกับบ้องน้ำ เพิ่มความเย็นและความนุ่มของไอ

เทคนิคการใช้งานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

1.เริ่มต้นที่อุณหภูมิ 190–200 °C เพื่อรีดรสชาติสูงสุดก่อนค่อยเร่งขึ้น

2.หากต้องการดึงแรง แนะนำให้เปิดลมกว้างและใช้ร่วมกับบ้องน้ำเพื่อลดอุณหภูมิของไอ

3.สำหรับโหมด Session การตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 190–200 °C จะช่วยเพิ่มจำนวนรอบต่อหนึ่งโบวล์โดยไม่ลดคุณภาพ

จุดเด่น

  • ระบบให้ความร้อนความเร็วสูง พร้อมใช้งานได้แทบจะทันที

  • ระบบควบคุมการไหลของอากาศขั้นสูง พร้อมทางเดินไอยาว ดึงแรงแต่ยังนุ่ม

  • แบตเตอรี่ 21700 ถอดเปลี่ยนได้ รองรับ USB-C Fast Charging ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน


ข้อสังเกต

  • น้ำหนักมากกว่าเครื่องพกพาทั่วไปเล็กน้อย เนื่องจากโครงสร้างและฮีตเตอร์ทรงพลัง

  • หากต้องการกลิ่นเทอร์พีนเข้มข้น อาจต้องลดอุณหภูมิหรือใช้ร่วมกับบ้อง


เหมาะกับใคร

Frolic ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ ให้ความสำคัญกับสมรรถนะเหนือระดับ ความเสถียรสูงสุด และการควบคุมละเอียดทุกจังหวะ โดยเฉพาะผู้ใช้สายจริงจังที่ต้องการประสบการณ์ใกล้เคียงกับเครื่องตั้งโต๊ะแต่ยังต้องการพกพาได้สะดวก รวมถึงมือใหม่ที่ต้องการ “เครื่องเดียวจบ” ตั้งแต่รสชาติไปจนถึงพลัง

The New Puffco Proxy — การอัปเดตและความแตกต่างที่สำคัญ

The New Puffco Proxy — การอัปเดตและความแตกต่างที่สำคัญ

Puffco ได้ปล่อยรุ่นอัปเดตของ Proxy ที่เรียกว่า “The New Proxy” โดยไม่ใส่ชื่อเป็น Proxy Pro หรือ Proxy 2 แต่เป็นการอัปเกรดจากรุ่นแรก (Gen 1 Proxy) โดยมีแกนออกแบบพื้นฐานเหมือนเดิม แต่ใส่การปรับปรุงและประสิทธิภาพที่ดีกว่าเข้าไป — คล้ายกับที่ Puffco ทำกับรุ่น Peak ก่อนหน้า 

บทความนี้จะเน้นจุดต่างสำคัญระหว่าง Proxy รุ่นแรก (OG Proxy) กับ New Proxy (อาจเรียกว่า Proxy เวอร์ชัน 2.0) — ถ้าคุณอยากดูรีวิวเต็มของรุ่นแรก ให้ย้อนกลับไปดูบทความรีวิวดั้งเดิมของ OG Proxy 

ดีไซส์และการออกแบบ

การออกแบบ & โครงสร้าง

  • ห้องเผา (3D Chamber) ของ New Proxy ดูผอมกว่าตอนแรก แต่จริง ๆ สูงขึ้นประมาณ 30% เพื่อช่วยลดการกระเซ็น (splashback) และให้การดูดที่สะอาดกว่า 

  • แต่เนื่องจากการออกแบบใหม่ ทำให้ ส่วนฐานและ chamber รุ่นแรกไม่สามารถใช้ร่วมกับ New Proxy ได้ — กล่าวคือไม่ถอยหลังเข้าคู่กัน 

  • แบตเตอรี่ของ New Proxy คือ 1680 mAh, 3.85 V ขณะที่ OG Proxy ใช้ 1350 mAh, 3.7 V — เป็นการเพิ่มกําลังไฟ ~30% 

  • แม้แบตเตอรี่จะใหญ่ขึ้น แต่การใช้พลังงานที่มากขึ้นก็ลดประสิทธิภาพโดยรวม — คุณจะได้จำนวนเซสชันสูงกว่า OG ราว 10% จากการใช้งานทั่วไป 

  • อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่ยังไม่ใช่จุดเด่น — ระยะเวลาใช้งานต่อการชาร์จเต็มยังถือว่า “ไม่ดีเยี่ยม” 


แอป (App) ของ New Proxy

  • จุดเปลี่ยนที่ชัดเจนที่สุดอยู่ที่ New Proxy สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth กับ App ของ Puffco ได้ 

  • ผ่านแอป คุณสามารถตั้งค่าระดับอุณหภูมิแบบละเอียด (400°F ถึง 644°F), ตั้งเวลาปิดอัตโนมัติ (15 วินาที – 2 นาที) และปรับ Boost Mode (เพิ่มอุณหภูมิแบบเร่งด่วน) ได้ 

  • นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งแสง RGB, เปลี่ยนอัลกอริทึมการให้ความร้อน ฯลฯ ได้ผ่านแอป 

  • ในการใช้งานจริง ผู้เขียนบทความระบุว่าได้ประมาณ 20 เซสชันต่อการชาร์จเต็ม ที่การตั้งค่าโปรด (475°F, 45 วินาที) แต่ถ้าใช้รุนแรงมากขึ้น อาจลงมาเหลือประมาณ 12 เซสชัน 

  • แต่การชาร์จเต็มต้องใช้เวลา สองชั่วโมงเต็ม — จุดที่ยังเป็นจุดอ่อนของแบตเตอรี่ 


การออกแบบภายนอก & บรรจุภัณฑ์

  • แก้ว (glass) ของ New Proxy ได้ปรับเป็นรูปแบบ Sherlock-style ที่ให้ความรู้สึกแข็งแรงกว่า OG 

  • ไฟ LED ถูกออกแบบให้โดดเด่นขึ้น — ประมาณ 3 เท่า เมื่อเทียบกับ OG — และสามารถปรับสีได้ตามใจผ่านแอป 

  • บรรจุภัณฑ์: OG Proxy มาพร้อมกล่องใส่แบบบุฟอง (travel case) ที่กะทัดรัดและพกพาสะดวก ในขณะที่กล่องของ New Proxy ยังคงป้องกันได้ดีแต่ ใหญ่ขึ้น และไม่สามารถใส่ในกล่องของ OG ได้ 

  • สำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย อาจต้องหาเคสแบบบุเพิ่มเติมจนกว่า Puffco จะปล่อยเคสสำหรับรุ่นใหม่นี้ออกมา 


บทสรุป — คุ้มหรือไม่?

New Proxy เป็นการยกระดับจาก OG Proxy ที่จับจุดอ่อนหลายจุดและเพิ่มความยืดหยุ่นในการควบคุมได้มากขึ้น หากคุณต้องการ “ตัวเดียวครบ” ที่ปรับได้ทุกอย่าง รุ่นใหม่ถือเป็นตัวเลือกที่ดี

×