รีวิว Venty จาก Storz&Bickel

รีวิว Venty จาก Storz&Bickel

วันนี้คนดีจะมารีวิวเครื่องอบสมุนไพรรุ่นล่าสุดจากค่าย Storz&Bickel อย่างเจ้าตัว Venty

ก่อนอื่นเลยนี้ก็คือเจ้าตัว Venty ซึ่งรูปทรงจะต่างออกไปจากเครื่องอบก่อนๆของ Storz&Bickel ส่วนหัวก็จะบิดออกแบบนี้เพื่อให้ใส่สมุนไพรลงไปได้ ซึ่งสามารถใส่ได้ทั้งแบบแคปซูลหรือจะใส่ไปในช่องเลย ความจุมากสุดได้ถึง 0.25 กรัม

พอใส่แล้วเราก็สามารถมาตั้งไฟได้เลย ซึ่งสามารถตั้งได้ 40-210 องศา ระบบทั้งความร้อนเปนแบบใหม่นะ เรียกว่า ระบบ Mini Heater ที่พัฒนามาจากระบบแบบเดิม ช่วยให้กลิ่นสมุนไพรดียิ่งขึ้น ไม่มีกลิ่นไหม้อีกต่อไป และทำควันได้เร็วขึ้นเพียง 20 วินาทีถึงความร้อนสูงสุด

ด้านการตั้งอุณหภูมิทำได้ทั้งแบบกดที่เครื่องหรือจะตั้งผ่าน Smartphone ก็ได้ในแอพของ Storz&Bickel ซึ่งวิธีต่อบลูทูธสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ บทความก่อนๆได้ และใน Smartphone ยังสามารถตั้งค่า Pre-Set เพื่อความสะดวกในการใช้งานครั้งต่อๆไป / ปรับลดแสงหน้าจอ / ปิด/เปิด โหมดสั่น / และยังสามารถปรับเปนโหมด Eco-Charger เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้อีกด้วย

ในส่วนอีกไฮไลต์เด่นๆก็คือ เจ้าเครื่อง Venty นั้นสามารถปรับระดับลมได้ ซึ่งมันก็สามารถปรับให้รับลมได้ถึง 20 ลิตรต่อนาที ทำให้เราสามารถเพิ่มลดปริมานควันได้ โดยไม่ต้องไปยุ่งกับอุณหภูมิ

ด้านการชาร์จก็ลาร์จแบบ USB-C โดยสามารถชาร์จจาก 0 ถึง 80% ได้ในเวลา 40 นาที มาพร้อมแบตเตอรี่ 18650 li-ion ซึ่งสามารถให้กำลังไฟสูงสุดที่ 130 วัตต์ 16 แอมป์

ฟังค์ชั่นเด่นของ Venty

– ปรับระดับลมได้สูงสุด 20 ลิตรต่อนาที 

– ทำความร้อนภายใน 20 วินาที 

– ฟีเจอร์ใหม่ระบบความร้อนแบบ Conduction + Convection แบบ Mini Heater ช่วยให้ไม่มีการไหม้ เพิ่มปริมาณควันและความนุ่มนวล 

– อุณหภูมิแม่นยำได้ตั้งแต่ 40 องศาเซลเซียส – 210 องศาเซลเซียส

– การชาร์จแบบ USB-C สามารถชาร์จจาก 0 ถึง 80% ได้ภายใน 40 นาที

– รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ 

– รับประกัน 2 + 1 ปี หากลงทะเบียนที่เวป Storz&Bickel

สรุปแล้ว Venty เป็นอีกหนึ่งเครื่องอบที่ทำออกมาได้ดีมาก ด้วยฟังค์ชั่นการปรับลมช่วยให้เราได้ควันที่เยอะขึ้น แม้จะใช้อุณหภูมิไม่สูงมาก ควันก้อยังเยอะ ทำให้กลิ่นสมุนไพรดีมากๆ
แต่ข้อเสียก้ออาจจะเปนที่ขนาดนะ ค่อนข้างพกพาลำบากนิดนึง

XMAX V3 Pro กับ Starry 4 ต่างกันยังไง ?

XMAX V3 Pro กับ Starry 4 ต่างกันยังไง ?

วันนี้คนดีเรากลับมาพร้อมกับคำถามที่ทุกคนถามเข้ามากันเยอะมากว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่าง XMAX V3 Pro กับ XMAX Starry 4 เพราะราคามันพอๆกันเลยครับพี่ ?

 

วันนี้ก็จะมีคำตอบมาให้พร้อมกับเปรียบเทียบกับแบบทุกจุดเลย เริ่มจากรูปทรงน้า แล้วเราก็จะดูระบบข้างในว่ามันต่างกันยังไง รวมถึงการใช้งานว่าต่างกันยังไง คลิปนี้ คนดีมีคำตอบ

 

เริ่มต้นเรามาดูกันที่รูปทรง ตัวแรกเจ้า XMAX V3 Pro เนี่ยรูปทรงมาจะมาแนวทรงตรงแบบนี้ เปนแท่งคล้ายปากกาขนาดกำลังดี ถนัดมือ แต่ถ้าใส่กระเป๋ากางเกงมันก็อาจจะดูใหญ่ไปนิดนึงนะ แต่รูปทรงของ Starry 4 มันจะเปนทรงเรียว ซึ่งโดยรวมมันค่อนข้างเล็กกว่า ทำให้การพกพาเนี่ยคนดีมองว่า Starry 4 จะเหมาะกับคนที่มองหาขนาดที่ค่อนข้างกระทัดรัดกว่า V3 Pro

 

สำหรับช่องอบ V3 Pro และ Starry นั้นเป็นช่องอบแบบ Ceramic เหมือนกัน โดยของ V3 Pro จะใส่ได้ประมาน 0.15 กรัมต่อครั้งแต่ Starry จะใส่ได้ประมาน 0.2 กรัม ซึ่งโดยรวมมันจะไม่ต่างมาก แต่ที่ต่างคือช่องอบของ V3 Pro จะเป็นระบบ Convection ทำให้ตัวกำเนิดความร้อนจะอยู่ด้านล่างแล้วเราต้องสูบลงเพื่อนำลมร้อนเข้าสู้ช่อง Chamber แต่ตัวของ Starry 4 นั้นเป็นแบบ Conduction เพราะฉะนั้นช่องอบจะเป็น Heating Chamber ที่ทำความร้อนได้ในตัวช่องอบเอง

หากใครต้องการทราบข้อมูลความแตกต่างระหว่างห้องอบแบบ Conduction และ ห้องอบแบบ Convection นั้นก็สามารถอ่านต่อแบบละเอียดได้ที่ บทความ เครื่องอบระบบConvection (พาความร้อน) กับเครื่องอบระบบConduction (นำความร้อน) ต่างกันอย่างไร?

ต่อไปเรามาดูกันในส่วนของการใช้งาน ก็เพราะว่า V3 Pro เป็นระบบ Convection ทำให้การใช้งานเมื่อเราตั้งอุนหภูมิแล้วเมื่อความร้อนถึงเรายังต้องสูบลมเข้าเพื่อให้มันเริ่มทำงาน และเริ่มมีควัน แต่ข้อดีของระบบนี้คือควันที่นุ่มกว่า และการเผาไหม้ที่ทั่วถึง แต่หากเป็น Starry จะเป็นระบบความร้อนแบบ Conduction ซึ่งการใช้งานจะแตกต่างจาก V3 Pro เพราะเมื่อความร้อนถึงแล้ว Starry จะเริ่มมีควันทันทีโดยโดยไม่ต้องสูบลมเข้าเพื่อให้เริ่มมีควัน เพราะฉะนั้นมันจะใช้งานง่ายกว่า แต่ขอเสียของระบบที่ทำความร้อนในห้องอบคือ สมุนไพรที่อยู่ตรงกลางอาจจะร้อนช้ากว่าตัวที่อยู่ติดผนังห้องอบ ทำให้อาจจะมีกลินไหม้เร็วกว่าตัว V3 Pro

ว่ากันต่อในส่วนของแบตเตอรี่ XMAX V3 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่แบบ 18650 ความจุไฟ 3000mAh ซึ่งก็สามารถใช้งานค่อนข้างนานได้ทั้งวัน และถ้าหากแบตเตอรี่หมดก่อนเราสามารถพกแบตเตอรี่ 18650 ก็สามารถเปลี่ยนง่ายๆ แต่ในส่วนของ Starry 4 นั้นแบตเตอรี่ที่มาด้วยเป็นแบบ 18650 เช่นกันแต่ความจุไฟจะน้อยกว่าที่ 2550mAh แต่เราสามารถเอาแบตเตอรี่มีกำลังไฟสูงกว่าใส่ได้และก็สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เช่นกันหากแบตหมด ซึ่งทั้งสองตัวมาพร้อมช่องเสียบชาร์จแบบ USB-C และสามารถชาร์จผ่าน USB ได้

 

ด้านฟิวลิ่งการใช้งานเครื่อง XMAX V3 Pro นั้นจะได้ควันที่ค่อนข้างนุ่มกว่าและสมุนไพรข้างในจะร้อนพร้อมๆกัน เพราะลมจะพาความร้อนผ่านสมุนไพรทุกจุด แต่ตัว Starry นั้นจะได้ควันที่ออกมาไวกว่า แต่ความนุ่มจะสู้ V3 Pro ไม่ได้และกลิ่นอาจจะเพี้ยนกว่าเพราะอาจจะติดกลิ่นไหม้จากสมุนไพรส่วนที่อยู่ติดกับห้องอบจะร้อนไวกว่าที่อยู่ตรงกลางห้องอบ ด้านการดูแลรักษาค่อนข้างคล้ายกัน ไม่ต่างกันมาก เพียงใช้สำลีที่แถมมาหรือสำลีที่ไม่มีขุยทำความสะอาดช่องอบเมื่อสกปรก

 

อีกหนึ่งจุดสำคัญที่คนดีมองว่า V3 Pro ทำได้ดีคือการที่เครื่องมีตัวเลือกของแต่งเยอะมาก ต่างจาก Starry ที่หลักๆจะเป็นข้อต้อบ้องกับข้อต่อแบบ Glass Bubbler ของ Xmax เองแบบสาย ซึ่งก้อใช้งานค่อนข้างยาก แต่ V3 Pro มีทั้งแบบของแต่งจากค่าย XMAX เองเลยทั้งข้อต่อบ้องและ Glass Bubbler หรือปากสูบแก้วก็มีให้เลือก หรือหากไม่ถูกใจก็มีของแต่งอื่นๆจากคนดีในคลิปก่อนหน้านี้รับชมได้ เดียวแปะลิงค์ไว้ให้ตอนจบคลิปนี้นะจ่ะ

 

ด้านราคาสองตัวนี้มาราคาเท่ากัน แต่ตัว XMAX Starry จะมีแบบ Blind Box Set แบบนี้นะ ซึ่งจะเปนลายแบบพิเศษสุ่มใส่ลงไปในกล่อง มีทั้งหมด 4 ลายนี้ ซึ่งราคาจะสูงกว่าแบบธรรมดา แต่จะมีอุปกรณ์เสริมแถมมาให้ในกล่องซึ่งคนดีมองว่ามันคุ้มค่ากว่า เพราะถ้าเราไปซื้อ Starry 4 ธรรมดาแล้วซื้อของแต่งที่แถมมาก็จะราคาสูงกว่าเราซื้อแบบ Blind Box ส่วนสีนั้น XMAX Starry มีทั้งหมด 3 สีนะ คือ ดำ น้ำเงิน และเขียว แต่ตัว V3 Pro จะมีมา 4 สี คือสี ดำ ฟ้า ม่วง และเงิน ซึ่งอดีตเคยยมีสีเขียวแต่เลิกผลิตไปแล้ว

 

จบแล้วว สำหรับการเปรียบเทียบระหว่าง XMAX V3 Pro และ XMAX Starry 4 แต่หากยังมีข้อสงสัยตรงไหนก็ถามเราเข้ามาในอินบ๊อกหรือช่องทางติดต่อเราด้านล่างนี่หน้า สุดท้าย อย่าลืม อย่าลืม ฝากกดซับสไครบ์ด้วยน่ะจะและเรามีโปรมาแจกสมาชิกชาวยูทูปอย่างแน่นอนนน หากคลิปหน้าสนใจให้คนดีรีวิวอันไหน ก็คอมเมนต์กันมาดด้านล่างได้นะจ้า บัยยย

XMAX V3 PRO VS XMAX V3 NANO ต่างกันอย่างไร

XMAX V3 PRO VS XMAX V3 NANO ต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างระหว่าง XMAX V3 Pro กับ XMAX V3 Nano

เครื่องอบรุ่นใหม่จากค่าย Topgreen อย่าง Xmax V3 Nano นั้นได้ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Xmax V3 Pro ซึ่งความแตกต่างของสองรุ่นนะจะเป็นอย่างไร วันนี้คนดีมีคำตอบ

อย่างแรกที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือการทำความร้อน ซึ่งตัวทำความร้อนของ V3 Pro แบบเดิมนั้นจะเป็นการทำความร้อนแบบ Conduction แต่ของ V3 Nano จะเป็นแบบไฮบริดผสมผสานระหว่าง Conduction และ Convection ช่วยให้ควันที่ได้นั้นมีความนุ่มแต่ยังสามารถทำควันได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนความแตกต่างของสองระบบนี้คืออะไรไปชมได้ในบทความนี้ เครื่องอบระบบConvection (พาความร้อน) กับเครื่องอบระบบ Conduction (นำความร้อน) ต่างกันอย่างไร?

อย่างที่สองคือการที่ XMAX V3 Nano นั้นมาในขนาดที่เล็กลงกว่า V3 Pro ทำให้ช่อง Chamber ที่ใส่จะถูกออกแบบมาให้ยาวยิ่งขึ้น ซึ่งข้อดีของมันก็คือสามารถช่วยให้สมุนไพรข้างในค่อยๆร้อนไล่ขึ้นมา ทำให้เราสามารถใช้งานต่อรอบได้ถึง 15-20 ครั้งก่อนความร้อนจะเริ่มเบาลง แต่ปัญหาก็คือการทำความสะอาดของ V3 Nano อาจจะยากกว่า V3 Pro นิดหน่อยเพราะ Chamber แบบยาวทำให้สมุนไพรติดอยู่ข้างใน แต่ก็สามารถใช้อุปกรณ์เสริมหรือไม่จิ้มฟัน แคะออกมาได้ถ้ามันติดแน่นจะเกินไป

และอีกอย่างด้วยเครื่องที่เล็กลงของ V3 Nano ทำให้แบตเตอรี่ของ V3 Nano อาจจะอยู่ได้สั้นกว่าของ V3 Pro แบบเดิม แต่ในเรื่องการชาร์จยังเป็นการชาร์จแบบ USB-C เหมือนกัน


ด้านการใช้งาน XMAX V3 Pro นั้นสามารถคุมอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 110 – 220 องศา ผ่านหน้าจอซึ่งเราสามารถปรับได้ตามความต้องการและยังมีโหมดการใช้งานทั้งแบบ Session Mode และ On Demand Mode อีกด้วย แต่น้อง V3 Nano จะเป็นการปรับความร้อนแบบอัตโนมัติ ซึ่งต้องเครื่องจะทำการปรับความร้อนเองไล่ตั้งแต่ 180 องศา ไปจนถึง 220 องศา ซึ่งผลลัพท์ที่ได้คือความสะดวกมากขึ้น เพราะปกติเราก็จะใช้อุณหภูมิ 180 ขึ้นไปอยู่แล้วเพื่อให้สารสำคัญในสมุนไพรนั้นออกฤทธิ์
สุดท้ายนี้หากในครั้งหน้าต้องการให้คนดีรีวิวหรือเปรียบเทียบตัวไหนสามารถคอมเมนต์เข้ามาได้เลย

Review รีวิวการใช้งาน XMAX V3 Nano

Review รีวิวการใช้งาน XMAX V3 Nano

รีวิว Xmax V3 Nano เครื่องอบกัญชาแบบไอละเหยขนาดพกพา

เครื่องอบไอระเหยรุ่นล่าสุดจาก Top Green Tech อย่างตัว XMAX V3 Nano มาพร้อมขนาดกะทัดรัด ยาวเพียง 13 ซม. แต่ยังคงไว้ด้วย Chamber ขนาดยาว สามารถใส่ดอกได้ถึง 0.25-0.35 กรัม และด้วยท่อ Chamber แบบยาว ทำให้สามารถสูบต่อครั้งได้นานขึ้นจนกว่าสมุนไพรจะแห้งลง Chamber ทำจากเหล็กและเงินอย่างดี มีมาให้เลือกทั้งหมด 3 สี ดำ ฟ้า แล้ว เหลืองแดง

ระบบทำความร้อน

การทำงานแบบ Conduction + Convection ช่วยให้ได้ควันที่นุ่มขึ้น แต่ยังคงความแรงเหมือนเดิม ในส่วนการทำความร้อนจะอยู่ที่ 200-220 องศาเซลเซียว ซึ่งตัวเครืองจะปรับอุณหภูมิให้เองอัตโนมัติ เพียงกดปุ่ม 3 ครั้งไฟที่ตัวเครื่องจะกระพริบ สีแดงเพื่อทำการเริ่มอุ่นเป็นเวลา 30 วินาที รอจนกว่าไฟสีแดงจะหยุดกระพริบให้เริ่มใช้ลมช่วยสูบทำความร้อนควันจะเริ่มมาเรือยๆ สามารถใช้งานได้จนเครื่องสั่นแล้วหยุดเอง โดยแต่ละ Session จะอยู่ที่ 3 นาที

การชาร์จ

สายชาร์จแบบ USB-C แบตเตอรี่ 1000mAh สามารถใช้งานได้ 10-15 ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 รอบ ชาร์จไฟ 1 รอบใช้เวลาประมาน 30 นาที ขึ้นอยู่กับกำลังไฟ

จุดเด่น : ขนาดเล็ก กะทัดรัดพกพาสะดวกมาก การใช้งานง่าย เนื่องจากส่วนใหญ่เครื่องอบเวลาใช้งานก้อต้องปรับอุณหภูมิ ไประหว่าง 180-220 อยู่แล้ว พอการใช้งาน V3 Nano ที่สามารถปรับไฟอัตโนมัติช่วยให้สะดวกขึ้นสุดๆ

จุดด้อย : ด้วยตัวเครื่องที่เล็กทำให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็ก อาจจะทำให้ไฟหมดไวกว่าตัวอื่น และไม่มีฟังค์ชั้น On-Demand และด้วย Chamber ที่ออกแบบมายาว อาจจะต้องใช้เข็มที่แถมมาช่วยทำความสะอาด

สรุป : หากกำลังมองหาเครืองอบที่ราคาถูก ใช้งานง่ายและมีขนาดเล็ก XMAX V3 Nano คือตัวที่คุณควรครอบครอง

เครื่องอบระบบConvection (พาความร้อน) กับเครื่องอบระบบConduction (นำความร้อน) ต่างกันอย่างไร?

เครื่องอบระบบConvection (พาความร้อน) กับเครื่องอบระบบConduction (นำความร้อน) ต่างกันอย่างไร?

Convection (การพาความร้อน) vs Conduction (การนำความร้อน)

มีหลายเหตุผลที่เราควรคำนึงถึงเมื่อเราจะดูเครื่องอบสักตัวนึงสำหรับสมุนไพร สิ่งที่เราคิดต้นๆคือ ขนาดของมัน เล็กหรือใหญ่ การทำความร้อนเร็วแค่ไหน แต่ยังมีอีกปัจจัยสำคัญคือการทำความร้อน การทำความร้อนมีสองแบบคือการพาความร้อนและการนำความร้อน วันนี้คนดีมาเปรียบเทียบให้ดูกัน

การพาความร้อน (Convection Heating) 

ความร้อนสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งแบบ พาความร้อน นำความร้อน และแบบรังสี การทำความร้อนแบบพาความร้อนนั้นคือการที่เราใช้การถ่ายโอนความร้อนจากแหล่งกำเนิดความร้อนไปที่ดอกสมุนไพรด้วยการใช้ตัวกลางเช่นลมพาความร้อนให้เรซิ่นเปลี่ยนรูปเป็นแก๊ซที่มีแคนนาบิดอยล์และเทอร์ปีน ซึ่งเปรียบง่ายๆกับการทำอาหาร การทำความร้อนแบบพาความร้อนนั้นก็เหมือนการทำอาหารด้วยการใช้การอบหรือนึ่ง ที่การทำให้อาหารสุกด้วยความร้อนที่ผ่านมาจากไอน้ำหรืออากาศ โดยอาหารจะไม่สัมผัสกับแหล่งกำเนิดความร้อนโดยตรง

ตัวอย่างเครื่องอบสมุนไพรระบบพาความร้อน (Convection)

1) XMAX V3 Pro : เครื่องอบสมุนไพรจากค่าย Top Green ราคาไม่แพง ทำงานระบบ Convection 100%

การนำความร้อน (Conduction Heating)

หลังจากที่เราได้เข้าใจเรื่องการพาความร้อนกับการอบอาหารไปแล้ว การทำความร้อนแบบนำความร้อนนั้นจะเป็นอะไรที่แตกต่าง ให้นึกถึงการผัดอาหาร ซึ่งเราจะใช้ความร้อนจากแหล่งกำเนิดความร้อนผ่านกระทะเหล็กเพื่อให้ความร้อนถูกนำไปทำให้อาหารที่ผัดร้อนและสุก ซึ่งการทำความร้อนแบบนี้อาหารจะสัมผัสกับแหล่งกำเนินความร้อนเลย ซึ่งเครื่องที่ใช้กับสมุนไพรระบบนำความร้อนจะทำความร้อนได้ในตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องใช้ลมช่วย

ตัวอย่างเครื่องระบบนำความร้อน (Conduction Heating)

 1) XMAX STARRY4 : เครื่องอบสมุนไพรระบบนำความร้อนจากค่าย Top Green ราคาไม่แพง และใช้งานง่าย

เปรียบเทียบระหว่างการพาความร้อนและนำความร้อน

ในการที่เราจะเลือกได้ระหว่างการพาความร้อนและการนำความร้อน ความแตกต่างระหว่างสองระบบนี้มีทั้งในเรื่องของ การคุมความร้อน, คุณภาพของควัน และ การดูแลรักษา

การทำอุณหภูมิ

การทำอุณหภูมิที่ดี แม่นยำ คือคุณสมบัติของเครื่องอบที่ดี แต่ความแตกต่างระหว่างการทำอุณหภูมิด้วยระบบทำความร้อนกับพาความร้อน ต่างกันยังไง

การทำอุณหภูมิด้วยระบบพาความร้อน (Convection)

การทำอุณหภูมิด้วยระบบพาความร้อนนั้นอาจจะยากในการปรับอุณหภูมิ เนื่องจากการที่อุณหภูมิที่ถูกตั้งจะถูกลมพาความร้อนไปอบสมุนไพร ทำให้อาจจะไม่เที่ยงตรงเท่ากับระบบนำความร้อน และความร้อนของเครื่องระบบพาความร้อนจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีลมผ่านเข้ามาก่อน  

การทำอุณหภูมิด้วยระบบนำความร้อน (Conduction)

การทำอุณหภูมิด้วยระบบนำความร้อนนั้นจะสามารถทำได้เที่ยงตรง และง่ายกว่า สามารถปรับได้ทุกๆ 1 องศาทั้งแบบฟาเรนไฮต์และเซลเซียส

คุณภาพของควัน

คุณภาพของควันเป็นสิ่งที่ทุกคนคำนึงถึงเป็นอย่างแน่นอน ไม่มีใครอยากได้เครื่องที่ควันเหม็นไหม้และไม่สามารถทำควันได้ ซึ่งเครื่องที่ดี ก็จะสามารถทำควันได้ดีเป็นอย่างแน่นอน แต่บางเครื่องก็สามารถทำควันได้ดีแม้ราคาไม่แพง

คุณภาพของควันระบบพาความร้อน (Convection)

เครื่องควันระบบพาความร้อนนั้นจะสามารถทำควันได้ค่อนข้างนุ่ม เนื่องจากการใช้ลมในการทำความร้อน ทำให้ความร้อนที่ได้ออกมาต่อเนื่องและทั่วถึงกว่า

คุณภาพของควันระบบนำความร้อน (Conduction)

เครื่องควันระบบนำความร้อนสามารถทำควันได้ค่อนข้างเยอะกว่า แต่ข้อเสียคืออาจจะไม่นุ่มเท่าอีกระบบ