เมื่อไม่นานมานี้ ทาง PAX Labs ได้ทำการอัปเกรดน้องเล็กสุดของค่ายอย่าง Pax Mini ขึ้นมาใหม่เงียบๆ ซึ่งสร้างความสับสนให้ผู้ใช้พอสมควรเพราะหน้าตาภายนอกแทบจะเหมือนเดิมทุกประการ แต่ “ไส้ใน” และฟีเจอร์การใช้งานเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญครับ
บทความนี้จะสรุปให้ชัดเจนว่า “ตัวใหม่” (New Edition 2025) ดีกว่า “ตัวเก่า” (Original 2022) อย่างไร และมีจุดไหนที่อาจจะด้อยลงบ้าง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
ตารางเปรียบเทียบสเปก (Key Specs Comparison)
| หัวข้อเปรียบเทียบ | Pax Mini (รุ่นเก่า / 2022) | All New Pax Mini (รุ่นใหม่ / 2025) |
|---|---|---|
| ขนาดห้องอบ (Oven Size) | 0.25g (เล็ก, เหมาะกับคนเดียว) | 0.5g (ใหญ่ขึ้น 2 เท่า, เท่ารุ่น Plus) |
| การปรับความร้อน | 1 โหมด (Auto Smart Path) | 4 โหมด (ตั้งค่าอุณหภูมิได้) |
| ระบบสั่น (Haptic Feedback) | ไม่มี (ดูไฟ LED อย่างเดียว) | มี (สั่นเตือนเมื่อพร้อมสูบ) |
| แบตเตอรี่ (ใช้งานต่อเนื่อง) | ประมาณ 80-100 นาที | ประมาณ 60 นาที (น้อยลง) |
| ความจุแบตเตอรี่ | ~3000 mAh | ~3000 mAh (กินไฟกว่าจากฟีเจอร์ที่เพิ่ม) |
| อุปกรณ์เสริมในกล่อง | ฝาปิดธรรมดา | มาพร้อม Half-pack Lid (ฝาดันครึ่ง) |
| ราคาเปิดตัว | ~$125 USD (ถูกกว่า) | ~$150 USD (แพงขึ้นเล็กน้อย) |
เจาะลึกความเปลี่ยนแปลง: อะไรที่ “ว้าว” ขึ้น?
1. ห้องอบ (Oven) ที่ใหญ่ขึ้นและยืดหยุ่นกว่า
- รุ่นเก่า: บังคับใส่สมุนไพรได้น้อย (0.25g) เพราะห้องอบตื้น เหมาะสำหรับการสูบคนเดียว (Microdosing) เท่านั้น ถ้าอยากสูบหนักๆ จะทำไม่ได้
- รุ่นใหม่: ขยายห้องอบกลับมาเป็นขนาดมาตรฐาน (0.5g) เหมือนรุ่นพี่ (Pax Plus/Pax 3) ทำให้ใส่ของได้เยอะขึ้น แต่ทีเด็ดคือ แถมฝา Half-pack Lid มาให้ ทำให้คุณเลือกได้ว่าจะใส่เต็มแม็กซ์ (0.5g) หรือใส่ครึ่งเดียว (0.25g) ก็ได้ตามใจชอบ เป็นการอัปเกรดที่ดีที่สุดของรุ่นนี้ครับ
2. ควบคุมอุณหภูมิได้แล้ว (Temperature Control)
รุ่นเก่า: มีแค่โหมดเดียว (กดปุ่มแล้วสูบเลย) เครื่องจะค่อยๆ ไล่ความร้อนให้อัตโนมัติ ข้อดีคือง่าย แต่ข้อเสียคือคุณเลือกฟีลลิ่งไม่ได้ (อยากได้ควันเยอะ หรือกลิ่นชัด ก็ปรับไม่ได้)
รุ่นใหม่: ให้มา 4 โหมดความร้อน เหมือนรุ่นใหญ่ (Pax Plus):
- Stealth/Flavor: ความร้อนต่ำ เน้นกลิ่น ควันน้อย
- Efficiency: ความร้อนกลางๆ
- Boost: ความร้อนสูง เน้นควันหนัก
สิ่งนี้ทำให้ Pax Mini ตัวใหม่ ไม่ใช่แค่ “ของเล่นมือใหม่” อีกต่อไป แต่ตอบโจทย์คนที่ชอบปรับแต่งฟีลการสูบได้ด้วย
3. ระบบสั่น (Haptic Feedback) กลับมาแล้ว
- รุ่นเก่า: ไม่มีระบบสั่น คุณต้องคอยจ้องไฟ LED ว่าเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือยัง ซึ่งไม่สะดวกเวลาถือเดินไปมาหรืออยู่ในที่มืด
- รุ่นใหม่: เครื่องจะ “สั่น” เตือนเมื่อทำความร้อนเสร็จพร้อมสูบ ซึ่งเป็นฟีเจอร์พื้นฐานที่ควรมีมานานแล้ว
สรุป: ควรซื้อรุ่นไหน?
เลือก Pax Mini รุ่นใหม่ (2025) ถ้า…
- คุณต้องการความคุ้มค่าแบบ “ตัวเดียวจบ” เพราะห้องอบปรับขนาดได้ (0.25g หรือ 0.5g)
- คุณอยากปรับความร้อนได้เอง (ชอบควันเยอะบ้าง น้อยบ้าง)
- คุณชอบฟีเจอร์สั่นเตือน (Haptic Feedback) เพื่อความสะดวก
- งบประมาณไม่ใช่ปัญหา (แพงกว่าเล็กน้อย)
เลือก Pax Mini รุ่นเก่า (2022) ถ้า…
- คุณเน้น Microdosing (สูบน้อยๆ คนเดียว) เป็นหลักอยู่แล้ว ห้องอบเล็ก 0.25g เพียงพอสำหรับคุณ
- คุณชอบความง่ายที่สุด กดปุ่มเดียวแล้วสูบเลย ไม่ต้องคิดเยอะ
- คุณหาซื้อมือหนึ่งหรือมือสองได้ในราคาที่ “ถูกกว่ามาก” (เพราะตกรุ่นแล้ว)
คำแนะนำจาก Kondee:
หากคุณกำลังจะซื้อใหม่และราคาต่างกันไม่มาก แนะนำให้ไปเล่น “ตัวใหม่” (2025) ครับ เพราะการได้ห้องอบขนาดใหญ่พร้อมฝา Half-pack และปรับไฟได้ 4 ระดับ ถือเป็นการแก้ไขจุดอ่อนของรุ่นเก่าได้เกือบทั้งหมด ทำให้มันกลายเป็น Pax ที่คุ้มค่าและพกพาง่ายที่สุดในตอนนี้ครับ